วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2552

“แมนดาล่าทราย” แห่งพระเชนรีซิก


“แมนดาล่าทราย” แห่งพระเชนรีซิก


ช่วยปัดเป่าอุปสรรคทั้งมวลในชีวิต
ช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา สมาคมพุทธวิปัสสนาแห่งโลซ่าง ดรักปา ในเมืองเปตาลิง จายา ได้เชิญคณะแม่ชีอาวุโสจากสำนักชีโกปันในกาฐมัณฑุมายังกัวลาลัมเปอร์เพื่อสร้างแมนดาล่าทรายของเชนรีซิก ซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์แห่งความเมตตา เพื่อเป็นการฉลองพิธีมหาบูชาของศูนย์ที่จัดขึ้นเพื่อสวดภาวนาให้ทุกคนในโลกมีปีที่ราบรื่นและเป็นมงคล
การสวดและถวายบูชาในแต่ละวันดำเนินอย่างต่อเนื่องตลอดสิบห้าวันของเทศกาลตรุษจีนผู้มาเยือน แขก และสมาชิกที่เข้าร่วมพิธีบูชาครั้งนี้ต่างก็ได้ชำระล้างอกุศลกรรมที่สะสมมานับกัลป์ให้หมดไปเพียงแค่ได้มาดูการสร้างแมนดาล่าซึ่งสามารถช่วยขจัดอุปสรรคต่างๆ ให้หมดสิ้นไปจากชีวิตของพวกเขา เอาชนะเคราะห์กรรมตามดวงชะตา ทั้งยังเป็นการสร้างคลังอันยิ่งใหญ่แห่งบุญกุศลทางจิตวิญญาณอีกด้วย
สิ่งที่เรียกว่าเป็นโบนัสของงานครั้งนี้คือเนื่องจากตรุษจีนปีนี้ตรงกับเทศกาล “โลซาร์” หรือวันขึ้นปีใหม่ของธิเบตพอดี ดังนั้น บุญกุศลทั้งหลายที่สั่งสมขึ้นมาจึงทบทวีเป็นหลายล้านเท่า!
ความหมายของแมนดาล่าทราย
พระโพธิสัตว์แห่งความเมตตา
คือช่วยปัดเป่าอุปสรรคทั้งมวลในชีวิต

๐วงกลมรอบนอก คือ วงแหวนแห่งเปลวไฟและเป็นสัญลักษณ์ของการเผาผลาญอุปสรรคทั้งมวล ทั้งภายใน ภายนอก และที่แฝงอยู่
๐วงกลมที่สอง ซึ่งมีรูปทรงคล้ายเพชร สื่อถึงการปกป้องคุ้มครองให้พ้นจากสิ่งไม่ดีทั้งหลาย
๐สีทั้งห้า แทนถึงปัญญาทั้งห้า ซึ่งเป็นสกุลของพระธยานิพุทธะทั้งห้าและองค์ประกอบแห่งชีวิตห้าประการ(ขันธ์ห้า)ได้แก่ รูป(รูป) เห็น(เวทนา) จำ(สัญญา) คิด(สังขาร) และรู้(วิญญาณ)อันก่อเกิดเป็นตัวตนสีทั้งห้ายังสื่อถึงธาตุทั้งห้า ที่ประกอบขึ้นเป็นสรรพสิ่งทั้งหลายในสกลจักรวาลอีกด้วย
๐ดอกบัวแปดกลีบที่อยู่ตรงใจกลาง ประกอบด้วยอักขระ “ฮรี”ซึ่งเป็นพยางค์พีชะมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ของพระเชนรีซิก และยังสื่อถึงการบรรลุซึ่งความรู้แจ้งอันน่าปิติ ที่ผุดพ้นจากตมอันมืดมิดแห่งสังสารวัฏหรือการเวียนว่ายตายเกิด
๐วงกลมตรงใจกลาง เป็นสัญลักษณ์ของพีชะพยางค์ หรือต้นกำเนิดแห่งจักรวาล

Mandala
การเพนท์ทรายมีที่มาจากรูปแบบศิลป์เชิงวัฒนธรรมของอินเดียแต่ตลอดช่วงเวลานับหลายศตวรรษที่ผ่านมา ศิลป์แขนงนี้ได้ถูกพัฒนาให้สมบูรณ์แบบโดยธิเบต ซึ่งยกย่องงานประเภทนี้ว่าเป็นการฝึกปฏิบัติอันศักดิ์สิทธิ์ชนิดหนึ่งเฉกเช่นเดียวกับชาวอินเดีย

กรรมวิธีในการทำทั้งประณีตและก่อเกิดเป็นชิ้นงานที่งดงามอย่างแท้จริง เพราะเม็ดทรายที่ผ่านการย้อมสีเป็นพิเศษนับล้านเม็ด ถูกนำมาจัดว่างอย่างสม่ำเสมอด้วยความอุตสาหะ จนกลายเป็นลวยลายอันวิจิตรบรรจงและเป็นสัญลักษณ์ที่ก่อเกิดแมนดาล่า ขั้นตอนเหล่านี้ใช้เวลาทั้งสิ้นประมาณสองสัปดาห์จึงจะเสร็จสมบูรณ์และแม่ชีผู้ร่วมในการสร้างแมนดาล่าก็ปฏิบัติภารกิจด้วยเจตนา ที่จะสร้างความเมตตา และสำนึกอยู่เสมอถึงสัจธรรมที่ว่าสรรพสิ่งล้วนไม่จีรังยั่งยืน
ผู้ที่ได้เห็นแมนดาล่าควรจดจำลักษณะของแมนดาล่าเอาไว้ เพื่อที่จะได้นำภาพของแมนดาล่ามารวมเข้ากับการฝึกวิปัสสนากรรมฐานการสามารถมองภาพแมนดาล่าให้เห็นเป็นวิมานสามมิติที่อยู่ภายในได้นั้นเป็นตัวช่วยเชิงสัญลักษณ์ที่ศักดิ์สิทธิ์ในการทำจิตให้สงบและเพิ่มความนิ่งให้แก่จิตใจได้ อันจะนำมาซึ่งความบริสุทธิ์และความประจักษ์แจ้ง
ทางจิตวิญญาณ แมนดาล่ามีทั้งความหมายภายใน ความหมายภายนอก และความหมายแฝง
ในระดับภายนอก แมนดาล่าสื่อถึงภาพของสวรรค์อันศักดิ์สิทธิ์
ในระดับภายในก็คือ การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจไปสู่สภาวะที่รู้แจ้ง และในระดับความหมายแฝงนั้น แมนดาล่าสื่อถึงการบรรลุซึ่งทางสว่างแห่งปัญญา
การมองหรือสร้างแมนดาล่าพระเชนรีซิกนั้นควรทำร่วมกับการสวดมนตราหกพยางค์คือ โอม มะนี ปัดมี ฮุม ซึ่งมีความหมายว่า โอม รัตนะ ปัทมะ ฮุม นี่คือมนตราที่ทรงพลังอย่างเหลือล้นซึ่งสามารถสวดได้ทุกที่ทุกเวลาเพื่อให้บังเกิดเมตตาจิต การพร่ำสวดมนตรานี้เบาๆ จะก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนของเสียงที่ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ เพราะจะเกิดเป็นสนามพลังงานที่ได้รับการประสาทพรจากพระโพธิสัตว์แห่งความเมตตาในฉับพลัน
คงไม่มีเวลาช่วงปีใหม่วิธีไหนอีกแล้วที่จะดีไปกว่าการได้เข้าร่วมกิจกรรมทางธรรมและจิตวิญญาณต่างๆ ที่ช่วยสร้างสมดุลให้กับภารหน้าที่ของปีที่กำลังจะมาถึงแบบนี้ การได้ดูแมนดาล่าค่อยๆ ก่อเป็นรูปเป็นร่างขึ้นไม่เพียงแต่เป็นสิ่งที่สร้างความปิติยินดีและมีความหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นการชำระล้างอกุศลทั้งหลายที่ก่อขึ้นมาตลอดเวลาหลายปี ด้วยเหตุนี้ปีใหม่ของพวกเราจึงเป็นประสบการณ์แห่งการชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ซึ่งเป็นไปเพื่อสร้างกุศลกรรมอันเป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิตให้อยู่รอด ปลอดภัย แข็งแรง และมีสุขภาพดีตลอดปี ตลอดไป



เมื่อประมาณปลายเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ผู้อ่านที่ติดตามเรามาตลอดคงยังจำกันได้ถึงเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่เราได้เชิญคณะแม่ชี 4 ท่าน จากเนปาล ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแมนดาล่าทรายมาทำการสร้างแมนดาล่าทรายพระไภษัชยคุรุ เป็นแห่งแรกในประเทศไทย ณ วัดธรรมปัญญาราม อ.บางม่วง จ.นครปฐม... หากนับเวลามาถึงตอนนี้ก็เกือบจะครบหนึ่งปีแล้ว และธรรมเนียมของการสร้างแมนดาล่าทรายของพุทธศาสนามหายานก็คือเมื่อสร้างแล้วก็จะต้องทำการทำลายทิ้ง ซึ่งเป็นการกระทำเชิงสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความไร้แก่นสาร และความไม่จีรังยั่งยืนของชีวิต ทรายแมนดาล่าทั้งหมดจะถูกรวบรวมมา และส่วนหนึ่งจะถูกแจกจ่ายให้แก่ผู้ร่วมงานเมื่อจบพิธี ในขณะที่อีกส่วนที่เหลือจะถูกนำไปทิ้งลงสู่แหล่งน้ำเพื่อเป็นการกระจายพรแห่งการบำบัดรักษาออกไปสู่ผู้อื่นตั้งแต่ที่ได้มีการสร้างแมนดาล่าทรายขึ้น ทำให้มีประชาชนและชาวพุทธผู้เลื่อมใสมาชมและสักการะบูชาแมนดาล่าเป็นจำนวนมาก ดังนั้นสำหรับปีนี้ หลังจากที่แมนดาล่าพระไภษัชยคุรุถูกทำลายลงแล้ว ท่านเซียงป้อซือเฮีย เจ้าอาวาสวัดธรรมปัญญารามก็จะเชิญคณะแม่ชีให้ทำการสร้างแมนดาล่าขึ้นใหม่ ซึ่งสำหรับแมนดาล่าทรายที่จะทำขึ้นใหม่ในปีนี้ก็คือ แมนดาล่าพระเชนรีซิกพระเชนรีซิกคือผู้ใด พระเชนรีซิก คือชื่อเรียกภาษาทิเบตของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร หรือก็คือเจ้าแม่กวนอิมผู้เป็นที่เลื่อมใสของชาวพุทธ สำหรับชาวพุทธแล้ว พระอวโลกิเตศวรคือพระโพธิสัตว์ที่สำคัญที่สุด ผู้ช่วยนำเราไปสู่ความตระหนักรู้ในทุกๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเราทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งล้วนเป็นผลมาจากความทะยานอยากของเราทั้งสิ้น องค์ดาไลลามะได้ตรัสไว้ว่า “ศาสนานั้นโดยพื้นฐานแล้วก็คือผลผลิตจากจิตใจมนุษย์ ความเมตตาคือพื้นฐานของธรรมชาติของคนเรา การที่เราจะบรรลุซึ่งความเมตตาได้นั้น เราไม่จำเป็นต้องเป็นคนเคร่งศาสนา และไม่จำเป็นต้องมีอุดมการณ์ใดๆ แต่สิ่งที่จำเป็นสำหรับเราก็คือการสร้างคุณสมบัติพื้นฐานแห่งความเป็นมนุษย์” ความมีเมตตาซึ่งแสดงออกมาผ่านภาพของพระอวโลกิเตศวรนั้นถือเป็นรากฐานแห่งอารยธรรมทิเบตเลยทีเดียว มนตราที่ชาวทิเบตสวดภาวนามากที่สุดก็คือมนตราของพระอวโลกิเตศวร “โอม มะนี ปัดมี ฮุม” ซึ่งมีความหมายว่า “รัตนะ (แห่งความเมตตา) และปัทมะ (แห่งปัญญา) สถิตอยู่ที่ก้นบึ้งแห่งจิตใจ” ดังที่องค์ดาไลลามะตรัสว่า “พระอวโลกิเตศวรแท้จริงนั้นก็คือความเมตตา คือคุณสมบัติทางอุดมคติที่เราต้องพยายามปลูกฝังบำเพ็ญให้เพิ่มขึ้นมาอย่างไร้ขีดจำกัด”เชื่อว่าการสวดมนตราของพระอวโลกิเตศวรเป็นประจำจะช่วยเปลี่ยนจิตใจจากความคิดที่เห็นแก่ตัวเอง และกระตุ้นจิตแห่งความมีเมตตาอันเป็นสากลโลกที่สื่อออกมาผ่านทางรูปลักษณ์อันเป็นต้นแบบของพระอวโลกิเตศวรแมนดาล่าพระเชนรีซิก เมื่ออยู่ในรูปแบบของแมนดาล่า ก็จะมีพลานุภาพในการสร้างสมาธิ ที่จะทำให้เราไม่วอกแวก และสร้างสำนึกรู้อันแจ่มชัดขึ้นภายใน การเพ่งมองแมนดาล่าพระเชนรีซิก พร้อมๆ กับสวดมนตราของพระเชนรีซิกไปด้วย จะช่วยนำเราเข้าถึงความเมตตาและปัญญาได้ พระเชนรีซิกจะช่วยดับความหวาดกลัว บรรเทาความวิตกกังวล รักษาจิตใจที่บอบช้ำ และทำให้คำอธิษฐานด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ของเราเป็นจริงพิธีกรรมในปีนี้นอกจากคณะแม่ชี 4 ท่านที่จะเดินทางมาสร้างแมนดาล่าทรายแล้วเรายังได้รับเกียรติจากท่านลามะเทนซิน โซปาซึ่งเป็นลามะชั้นผู้ใหญ่มาร่วมในงานด้วย จึงนับเป็นโอกาสที่ดีของชาวไทยที่จะได้มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในพิธีกรรมที่สำคัญครั้งนี้ และได้ร่วมรับพรอันประเสริฐจากองค์เชนรีซิก พร้อมกับความเบิกบานและความผ่องแผ้วแห่งจิตใจจากพลังของแมนดาล่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น